เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2564 นางสาวเบญจมาศ ตันเวทยานนท์ กงสุลใหญ่ ณ นครหนานหนิง นางสาวปทุมวดี อิ่มทั่ว กงสุลเกษตร ประจำสถานกงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว (มีพื้นที่ความรับผิดชอบครอบคลุมเขตฯ กว่างซีจ้วง) และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เดินทางไปอำเภอระดับเมืองผิงเสียง เพื่อศึกษากระบวนการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์อาหาร(ผลไม้)นำเข้าผ่านห่วงโซ่ความเย็นของด่านโหย่วอี้กวาน และศูนย์โลจิสติกส์และกระจายสินค้าเกษตรที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนฤดูส่งออกผลไม้ไทยที่กำลังจะมาถึงในช่วงเดือนเมษายนของทุกปี

          ด่านโหย่วอี้กวาน (Youyiguan Border Gate/友谊关口岸) เป็นด่านนำเข้าผลไม้(ไทย)ที่สำคัญของประเทศจีน ตั้งอยู่ในอำเภอระดับเมืองผิงเสียง ตรงข้ามกับด่าน Huu Nghi จังหวัดล่างเซิน ประเทศเวียดนาม เป็นด่านสากลทางบกในพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดในการกักกันโรคและตรวจสอบสำหรับการส่งออกและนำเข้าผลไม้ไทยผ่านประเทศที่สามระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน

          ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 รัฐบาลจีนได้กำหนดมาตรการเพื่อการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จากต่างประเทศผ่านอาหารนำเข้า สำหรับด่านโหย่วอี้กวานได้ดำเนินมาตรการการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์อาหาร(ผลไม้)ที่นำเข้าผ่านห่วงโซ่ความเย็นในเมืองผิงเสียง ในส่วนของผลไม้นำเข้านั้น นอกจากกระบวนการสุ่มตรวจสินค้าตามข้อกำหนดด้านการกักกันโรคพืชและแมลงศัตรูพืชที่ต้องดำเนินการเป็นปกติอยู่แล้ว ผลไม้นำเข้าจะต้องผ่านกระบวนการสุ่มตรวจหาเชื้อโควิด-19 และกระบวนการฆ่าเชื้อบนบรรจุภัณฑ์ก่อน จึงจะสามารถจำหน่ายและกระจายไปทั่วประเทศจีน

          เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนฤดูส่งออกผลไม้ไทยที่กำลังจะมาถึงในช่วงเดือนเมษายนของทุกปี สถานกงสุลใหญ่ฯ จึงได้ลงพื้นที่บริเวณด่านโหย่วอี้กวานเพื่อศึกษากระบวนการดังกล่าว พอประเมินได้ว่าด่านโหย่วอี้กวานมีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับการค้ากับต่างประเทศ โดยเมืองผิงเสียงได้สร้างประตูด่านโหย่วอี้กวาน (ประตูไม้กั้น) เพิ่มอีก 6 ช่องจราจรสำหรับรถบรรทุกสินค้า ซึ่งขณะอยู่ระหว่างการเก็บรายละเอียดงานก่อสร้าง คาดว่าจะใช้งานได้จริงราวเดือนพฤษภาคม 2564 และได้ขยายพื้นที่ลานตรวจสินค้าและสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมสำหรับรถบรรทุกสินค้า มีจำนวน 67 ช่อง

          ระหว่างการศึกษาดูงานได้รับทราบข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรผิงเสียงและผู้บริหารของศูนย์โลจิสติกส์และกระจายสินค้าเกษตรตรงกันว่า ในภาพรวม มาตรการดังกล่าวแทบไม่ได้ส่งผลกระทบกับเวลาที่ใช้ในกระบวนการนำเข้าผลไม้(ไทย)แต่อย่างใด เนื่องจากการตรวจหาเชื้อโควิด-19 บนบรรจุภัณฑ์มีอัตราการสุ่มตรวจไม่สูง ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในประเทศต้นทาง ณ ช่วงเวลานั้นด้วย และกระบวนฆ่าเชื้อบนบรรจุภัณฑ์เป็นขั้นตอนที่ดำเนินการในระหว่างการขนถ่ายตู้สินค้าอยู่แล้ว ซึ่งช่วยลดความกังวลให้กับผู้นำเข้าส่งออกผลไม้ไทยได้

          อย่างไรก็ดี ขอให้ผู้ส่งออกผลไม้ไทยรักษาคุณภาพผลไม้ ดำเนินมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสวนผลไม้อย่างเคร่งครัด วางแผนและบริหารจัดการด้านการส่งออกผลไม้อย่างรอบคอบ และติดตามข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการนำเข้าสินค้าของประเทศจีนอย่างต่อเนื่องเป็นระยะ